พิมได้ติดตามข่าวไฟไหม้ป่าโดยเฉพาะในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ทางทีวี และโซเชียลมีเดีย ทำให้รู้ว่ามีไฟไหม้ป่าเสียหายมากมาย สัตว์ป่าบาดเจ็บ หนีตายจากควันไฟและไฟไหม้ บ้างก็พลัดหลงจากฝูง เห็นแล้วรู้สึกสงสารจับใจ ส่วนตัวเราเองก็ได้รับผลกระทบจากอากาศที่ขมุกขมัวไปทั่วเมือง บวกกับฝุ่นควันขนาดเล็ก ที่เรียกว่า PM 2.5 ที่สูงเกินกว่ามาตรฐานกำหนด ทำให้กระทบต่อสุขภาพอนามัยของผู้คน และกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวในภาคเหนืออย่างเลี่ยงไม่ได้ พอได้ยินข่าวว่าจะมีโครงการ “คืนผืนป่าสู่ดอยสุเทพ” จึงตอบรับเข้าร่วมโครงการทันที ตามไปดูกิจกรรมดี ๆ ที่จะมาเล่าสู่กันฟังกันเลยค่ะ

#เริ่มต้นกิจกรรมวันแรก #ขนต้นกล้าน้อยขึ้นดอยกัน 10/07/63
นัดรวมพลที่ทางขึ้นดอยสุเทพ (ครูบาศรีวิชัย) พี่ๆ ออฟโรดที่เป็นกำลังสำคัญในการขนทั้งจิตอาสาทั้งกล้าไม้มาพร้อมแล้ว ขนกล้าไม้…เราก็นึกว่าแค่ขนกล้าไม้ไปที่แปลงปลูก…แต่ทางทีมงานอธิบายว่าเราจะติดป้ายที่มีเลขรหัสที่ต้นไม้ทุกต้นก่อนขนย้ายกล้า เพื่อติดตามการเจริญเติบโตของต้นไม้แต่ละสายพันธุ์ ซึ่งเราไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนก็รู้สึกว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่แต่น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ เราช่วยกันจัดกล้าไม้ทุกสายพันธุ์ให้คละปนกันไปเพื่อเลียนแบบธรรมชาติให้ได้มากที่สุด โห! หลายขั้นตอนไปอีก เริ่มสนุกซะแล้วสิ ^^ขอถือโอกาสนี้ได้ทำความรู้จักต้นไม้แต่ละชนิดเลยละกัน

ระหว่างขนกล้าลงจากรถ ฟ้าฝนเริ่มตกลงมาไม่ขาดสาย งานนี้ไม่มีโอกาสเห็นเหงื่อกันเลยค่ะ แถมยังต้องทำงานแข่งกับเวลาเพราะฝนไม่มีวี่แววจะหยุดตกเลย ลมก็แรงมาก ยิ่งทวีความหนาวเข้าไปอีก ต้นกล้าที่จะขนมีถึง 1,600 ต้น ไม่มากแต่ก็ไม่น้อยเลยใช่ไหมคะทุกคน อีกทั้งเดินลงบันไดที่ลาดชันต่อด้วยเดินกันยาว ๆ บนสันเขา แข้งขาสั่นไปหมดเลยคิดอยู่ในใจว่าเราจะทำภารกิจนี้สำเร็จไหม ระหว่างทางที่พวกเราช่วยกันขนกล้าไม้…แอบมองเห็นทุกคนมองวิวสวยๆ ที่อยู่ตรงหน้า มีหมอกและไอเย็นๆ มาปะทะหน้าดูทุกคนมีความสุขสดชื่นหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ส่วนตัวเราขอแอบยืนนิ่งๆ เพื่อชื่นชมบรรยากาศสวยๆ และจินตนาการว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย…แค่นี้ก็หายเหนื่อย แถมฟินไปอีก 555

#วันปลูกป่ามาถึงแล้ว 12/07/63
เช้าวันนี้อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าสดใสมีแดดอ่อนๆ เหมาะกับการถ่ายรูปสวยๆ อากาศที่แปลงปลูกป่าของเราก็จะเย็นลงอีกเกือบ 10 องศา เพราะอยู่ที่ระดับความสูงกว่า 1,600 เมตร วันนี้เราเตรียมตัวมาดีพร้อมปลูกป่าเต็มที่!
คนเริ่มทยอยมาถึงจุดนัดพบมีทั้งคนไทย ชาวต่างชาติ หน่วยวิจัยการฟื้นฟูป่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สภาลมหายใจเชียงใหม่ ส่วนเจ้าบ้านอย่างเจ้าหน้าที่อุทยานฯ น้องๆ นักเรียนและชาวบ้านขุนช่างเคี่ยนรอพวกเราอยู่บนดอยหัวหมูแล้วล่ะค่ะ ทุกคนดูตื่นเต้นกับการเดินทางขึ้นไปปลูกป่าบนดอยเพราะเท่าที่เราได้เดินทักทาย บางคนก็ไม่เคยมาที่ดอยหัวหมูมาก่อน บ้างก็ไม่เคยปลูกป่าบนเขาบนดอยแบบนี้เลย ถึงเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมงาน เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดี ผู้ร่วมโครงการปลูกป่าจะต้องผ่านจุดคัดกรอง มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายเพื่อให้ปลูกป่าแบบ New normal คือปลอดภัยและห่างไกลจากโควิด-19 นั่นเอง

เมื่อเดินทางมาถึงดอยหัวหมู…เราสังเกตเห็นว่าไม่มีคนไหนเลยที่ไม่รู้สึก “ว้าว” กับบรรยากาศและวิวทิวทัศน์ที่อยู่รอบๆ ทุกคนต่างหยิบกล้องและโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพกันแบบไม่มีใครยอมใคร ต้องขอบคุณที่มีกิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติดีๆ แบบนี้ ที่ช่วยทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลทำให้ผืนป่าที่แห้งแล้งได้รับความชุ่มชื่นจากน้ำฝน ดอกไม้ป่าพุ่มเล็กๆ สองข้างทางกำลังผลิดอกออกช่อโชว์ให้เราเห็นความสวยงามของธรรมชาติในหน้าฝน สักพักจึงเข้าสู่พิธีเปิดงาน ก่อนเริ่มเดินทางไปยังแปลงปลูกป่า

ไฮไลท์ความสนุกกำลังเริ่มขึ้นแล้ว…เมื่อเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ชาวบ้าน นักเรียน ผู้สนับสนุนโครงการ และจิตอาสา ต้องแบ่งกันเป็น 4 ทีม เพื่อปลูกป่าจำนวน 4 แปลง แต่ละคนในทีมจะมีหน้าที่ต่างๆ กัน เช่น ใส่ปุ๋ยรองก้นหลุม บางคนก็ขนกล้ามาที่หลุมปลูก คนที่เหลือก็เริ่มภารกิจปลูกป่ากันอย่างขะมักเขม้น แต่ก็ไม่ลืมที่จะชื่นชมบรรยากาศและธรรมชาติสวยๆที่อยู่ล้อมรอบ

รางวัลของคนทำดีวันนี้ คือ ได้นั่งทาน “ข้าวห่อใบบัว” ร่วมกันบนดอยหัวหมู พร้อมกับชมวิวหลักล้าน หมอกและลมที่พัดโชยมาทำให้พวกเรารู้สึกเหมือนนั่งทานข้าวอยู่ในห้องแอร์เย็นๆ เราเชื่อว่าทุกคนคงประทับใจกับข้าวห่อใบบัวมัดด้วยตอกไม้ไผ่ซึ่งมาพร้อมกับช้อนและซ้อมที่ทำจากไม้ ซึ่งมีรสชาติอร่อยและยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เสร็จสิ้นกับภารกิจ “ปลูกป่า” สีหน้าของทุกคนมีทั้งเปื้อนดินและรอยยิ้ม ทุกคนดูอิ่มเอมใจที่ได้มาร่วมกันปลูกป่าและยังได้รับพลังบวกจากธรรมชาติกลับบ้านไปอีกด้วย
โครงการปลูกป่ายังไม่จบเพียงแค่นี้นะคะ เพราะนี่เพิ่งเป็นจุดเริ่มต้น…สิ่งสำคัญที่สุดคือ…การดูแลพวกเขาให้เติบใหญ่เป็นผืนป่าอยู่บนดอยสุเทพ-ปุย

ขอขอบคุณ Noren Resort by El Greco ผู้สนับสนุนโครงการปลูกป่า…มีแนวคิดในการทำธุรกิจควบคู่ไปกับการรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) โดยมีกิจกรรมที่สนับสนุนภาครัฐและคนในชุมชนเพื่อดูแลและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ผืนป่า น้ำ อากาศ และทำให้เราได้มีโอกาสมาร่วมโครงการนี้ด้วยค่ะ…